ปีใหม่คนใหม่ ประโยคคุ้นหูที่หลายคนมักพูดถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อตั้งเป้าหมายและเริ่มต้นสิ่งดีๆให้กับตัวเอง แต่สำหรับประเทศไทยในปี 2569 นี้จะกลายเป็นปีใหม่รัฐบาลใหม่
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 ตามคำกราบบังคมทูลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำให้การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลตามปกติ
แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะบอกได้ว่าสังคมไทยกำลังเดินไปในทิศทางใด ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างกระแสของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดียและวิกฤตการเมือง กับอำนาจเก่าของระบบบ้านใหญ่ที่ฝังรากลึกมายาวนาน
จากข้อมูลกรมการปกครองคาดว่าในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะมีผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปอยู่ราว 53.2 ล้านคน ทั้งนี้ หากพิจารณาที่ภาคอีสานจะพบว่า ในภาคอีสานจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ราว 17.7 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 33.2% ของประเทศ และมีที่นั่ง ส.ส. เขตถึง 133 ที่นั่งจาก 400 ที่นั่งทั่วประเทศ ทำให้อีสานกลายเป็นหนึ่งในสนามรบหลักที่จะชี้ชะตาว่าพรรคใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล
การกระจายตัวของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในอีสานทั้ง 17.7 ล้านคนแสดงให้เห็นว่า
Generation X (อายุ 45-60 ปี) เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด คิดเป็น 31.4% หรือ 5.6 ล้านคน กลุ่มนี้คือผู้บริหาร เจ้าของกิจการ และคนที่อยู่ในวัยทำงานใกล้เกษียณ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบนั้นเพราะหนึ่งในปัญหาหลักของอีสานคือหนี้สินและความยากจน ทำให้แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีหลายคนที่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ และเงินที่ไม่พอใช้หลังจากเกษียณ ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นโยบายภาษี ราคาพืชผล เงินบำนาญ และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ
Generation Y (อายุ 29-44 ปี) มีจำนวน 4.9 ล้านคน หรือ 27.9% เป็นกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นตัวตัดสิน เพราะเป็นวัยทำงาน สร้างครอบครัว มีภาระหนี้ครัวเรือน ความกังวลเรื่องปากท้อง และมีความตื่นตัวบนโซเชียลมีเดียสูง คนกลุ่มนี้เป็นวัยกลางคนที่แม้ว่าบางคนจะถูกมองว่าหัวโบราณ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นกลุ่มที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและปรับตัวต่อสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ทำให้นโยบายของพรรคการเมือง และปัจจัยต่างๆนั้นมีผลต่อการตัดสินใจเป็นอยย่างมากที่ไม่ใช่เพียงแค่อุดมการณ์
Generation Z (อายุ 18-28 ปี) มีจำนวน 3.0 ล้านคน หรือ 17.2% แม้จะเป็นกลุ่มเล็กที่สุด แต่กลับเป็นกลุ่มที่มีความคาดหวังทางการเมืองสูงที่สุด และพร้อมจะเปลี่ยนใจทันทีหากพรรคที่เลือกไม่ทำตามสัญญา คนกลุ่มนี้แม้หลายคนจะมองว่ายังคงเป็นเด็กอาจจะยังไม่รู้ประสีประสาอะไรมาก แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การเข้าถึงอินทเอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆนั้นง่ายขึ้น แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นภูมิคุ้มกัน และการกรองข้อมูลอาจจะยังไม่ได้มีมากเท่าที่ควรด้วยประสบการณ์ต่างๆ และการคล้อยตามอาจจะเกิดได้ง่ายขึ้น หนึ่งในจุดเด่นของกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่เห็นได้ชัดนั่นคือการยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งหลายคนนั้นอาจจะยอมหักไม่ยอมงอทำให้ความยืดหยุ่นนั้นต่ำ และยึดมั่นในพรรคการเมืองมากกว่าตัดบุคคล
Baby Boomers (อายุ 61-79 ปี) มีจำนวน 3.59 ล้านคน หรือ 20.3% เป็นฐานเสียงหลักของระบบบ้านใหญ่แบบดั้งเดิม แต่กำลังถูกเจาะด้วยข้อมูลใหม่จากลูกหลาน
จังหวัดยุทธศาสตร์สำคัญในอีสานนั้นคงจะหนีไม่พ้นจังหวัดใหญ่และบริเวณใกล้เคียง
ระบบบ้านใหญ่ หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังคงมีความแข็งแกร่งและเป็นกลไกสำคัญ แต่กำลังเผชิญความท้าทายจาก Gen Z ที่ไม่ยึดติดกับบุญคุณหรือความผูกพันส่วนตัว
บุรีรัมย์ หากพูดถึงอีสานแ่นอนว่าย่อมหนี้ไม่พ้นตระกูลชิดชอบ ถือเป็นโมเดลต้นแบบของบ้านใหญ่ที่ผสานการเมืองเข้ากับการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างแนบเนียน การเลือกตั้งที่นี่น่าจะเป็นการกวาดที่นั่งเกือบทั้งหมดของภูมิใจไทย
นครราชสีมา มีความซับซ้อนเนื่องจากความแตกแยกของกลุ่มการเมืองเดิม จะเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงเค้กก้อนใหญ่ระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยมีพรรคประชาชนเป็นตัวสอดแทรกในเขตเมืองและเขตอุตสาหกรรม
ขอนแก่น เป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาและเมืองเศรษฐกิจของอีสาน พรรคประชาชนมีโอกาสสูงที่จะเจาะพื้นที่เขตเมืองเนื่องจากฐานเสียงของนักศึกษาและชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่หนาแน่น โดยเฉพาะในพื้นที่ขอนแแก่นเขต 1 ที่นับรวมเสียงของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ารวมด้วย ซึ่งกลายเป็นฐานเสียงที่สำคัญขนาดใหญ่ของกลุ่มคนรุ่นใหม่
อุดรธานี เคยเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นรอยร้าวที่ชัดเจน การเลือกตั้ง 2569 จะเป็นบททดสอบสำคัญ
การเลือกตั้ง 2569 ที่จะมาถึงนั้นจะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้วจริงหรือไม่ จากการเพิ่มขึ้นของ Gen Z ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกๆการเลือกตั้งใหม่ที่จะมาถึง การขยายตัวของสังคมเมือง และอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย กำลังทำหน้าที่กัดเซาะฐานรากของระบบอุปถัมภ์อย่างช้าๆ
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร สิ่งที่ชัดเจนคือ ภาคอีสานในการเลือกตั้ง 2569 จะไม่ใช่ของตายของใครอีกต่อไป ประชาชนชาวอีสาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ได้ตื่นรู้และพร้อมที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง พลังของพวกเขาเมื่อผสานกับเทคโนโลยีและความรู้ จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ถาโถมเข้าใส่กำแพงแห่งอำนาจเก่า และผลลัพธ์ของมัน จะดังกึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดินไทย
อ้างอิง
กรมการปกครอง, Thai PBS, ThaiJO, The Standard, ประชาชาติธุรกิจ, BBC Thai, Matichon, The MATTER

