ฮู้บ่ว่า เพลงลูกทุ่งที่เราผ่านหูมาตลอดนั้น กำลังทำหน้าที่บอกพิกัดที่เที่ยวในอีสานได้ด้วยนะ
วันนี้เราจะมาเจาะลึก 5 เพลงลูกทุ่ง ที่ถ่ายทอดมาจากความรู้สึกนึกถึงด้วยการนำเอาสถานที่ ตำนานพื้นบ้าน และเทศกาลประจำปีมาผูกไว้ในบทเพลง จนกลายเป็น Soft Power ที่ต่อยอดมาเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งอุตสาหกรรมดนตรีและการท่องเที่ยว ผ่านท่วงทำนองของเพลงลูกทุ่งอีสาน
ริมฝั่งหนองหาน โดย มนต์แคน แก่นคูณ พ.ศ. 2549
“ฟ้างามยามแลง
ข้างทุ่ง หนองหาน
อ้ายนั่งเบิ่งฟ้า คืดฮอด
แก้วตาเจ้าไปสิเล้อ”
เนื้อเพลงสะท้อนถึง: มีการนำวรรณกรรมพื้นบ้าน เรื่อง “ผาแดง นางไอ่” มาสร้างความเชื่อมโยงกับสถานที่จริงอย่าง หนองหาน จังหวัดสกลนคร เป็นการดึงดูดผู้ฟังให้ตามรอยตำนานและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
เบิ่งนครพนม โดย ต่าย อรทัย พ.ศ. 2552 ต้นฉบับปี (2516)
“ไหมก็ขาว สาวลาวก็สวย
มวยผมดำน้ำบ่อก็ใส
สวยแท้คือสาวภูไท
สวยบาดใจชาย สาวญวนก็งาม”
เนื้อเพลงสะท้อนถึง: ได้กล่าวถึงผ้าไหม และการอยู่ร่วมกันของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายในจังหวัดนครพนม ได้แก่ ลาว ภูไทย ญวน ซึ่งเพลงนี้ได้เสริมสร้างการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธ์ุและเสริมสร้างอัตลักษณ์วิถีชีวิตและความงามทั้งสองฝั่งโขงไทย-ลาวได้อีกด้วย
น้ำตาสาววาริน โดย จินตหรา พูนลาภ พ.ศ. 2560
“สาววารินวันนี้ต้องกินน้ำตา
เพราะหนุ่มอุบลไม่มา
แห่เทียนพรรษาเหมือนดังปีก่อน
เขาจากไปแล้ว กับผู้สาวสกลนคร”
เนื้อเพลงสะท้อนถึง: การนำเอาประเพณีแห่เทียนพรรษาและบอกหมุดหมายของการพบปะ คือ ทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุบลราชธานี และเพลงนี้ได้แสดงถึงความสำคัญของเทศกาลประจำปีของจังหวัดที่มีผู้คนจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด เช่น สาวอำเภอวาริน และสาวสกลนครเข้าร่วม เป็นต้น
คิดฮอดจังภูลังกา โดย เวียง นฤมล พ.ศ. 2565
“ท่องแดนธรรมถิ่นภูลังกา
เบิ่งหินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬเมื่อปีผ่านมา
ไผน้อบอกย้ำคำว่าฮักอีหล่าหน้าปู่อือลือ”
เนื้อเพลงสะท้อนถึง: กล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างภูลังกา และหินสามวาฬ รวมถึงการอ้างอิงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของคำสัญญาที่มาจากความเชื่อเรื่องพญานาคของชาวอีสานผ่านการโปรโมทถ้ำนาคาหรือปู่อือลือ เพื่อกระตุ้นให้คนเดินทางไปตามรอยความศรัทธาในจังหวัดบึงกาฬ
รักซึ้งบึงแก่นนคร โดย บิว จิตรฉรีญา พ.ศ. 2566
“ลูกมีใจตั้งแต่งานไหมปีก่อนกี้ จนปานนี้แห่งฮักหลาย
หละมาปีนี้เป็นหยังอ้ายบ่มาเที่ยวดอกงานไหม
บึงแก่นนครบ่มีชาย ใจสลายแล้วเด้เเม่”
เนื้อเพลงสะท้อนถึง: เพลงนี้ได้มีการนำเอาความรักมาผูกโยงกับสถานที่อย่างบึงแก่นนคร พร้อมกับวัดหนองแวง อารามหลวง และเทศกาลประจำปีอย่างงานไหมนานาชาติ ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเพลงนี้สามารถโปรโมทเทศกาลและบอกแหล่งหมุดหมายของการมาพบปะและท่องเที่ยวในขอนแก่นอย่างบึงแก่นนครได้
จะเห็นว่าเพลงลูกทุ่งแต่ละเพลงที่กล่าวมานั้นมีการสื่อสารวัฒนธรรมและอ้างถึงสถานที่จริงในเนื้อเพลง ซึ่งได้สะท้อนถึงความหลากหลายและความโดดเด่นในภาคอีสานในเชิงภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมอีสาน นับว่าเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมดนตรี พร้อมกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไปควบคู่กันได้อีกด้วย
IFPI Global Music Report 2024 ชี้ว่า อุตสาหกรรมดนตรีไทยตอนนี้กำลังมาแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 มีมูลค่าตลาดกว่า 3,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 18.1 จากปีก่อนหน้า และก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 26 ของโลก ดังนั้น อุตสาหกรรมดนตรีของไทย ถือเป็น Soft Power ที่ช่วยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและเสริมภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ ในทุกบทเพลงลูกทุ่งจะมีการตอบรับจากผู้ชมที่ดีเสมอ ไม่ว่าจะผลัดยุคสมัยมากี่ปี เพลงลูกทุ่งอีสานนั้นก็ยังคงอยู่ข้างหัวใจของทุกคนตลอดมา
อ้างอิง
กระทรวงพาณิชย์, IsanGate, สมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI)

