ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และมีการคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสูงภายในไม่กี่ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอัตราการเกิดที่ลดลงควบคู่กับอายุขัยที่ยาวนานขึ้น ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความท้าทายด้านสังคมและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสเชิงธุรกิจที่สำคัญในหลายมิติด้วยกัน
จากข้อมูลจะเห็นได้ชัดว่าภาคอีสานหลายจังหวัดกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Aged Society) ซึ่งมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกิน 20% อีกทั้งปรากฏการณ์นี้สะท้อนทั้งวิถีชีวิตใหม่ของคนรุ่นปัจจุบันที่นิยมอยู่เป็นโสด มีลูกน้อยลง และการที่อัตราการตายสูงกว่าอัตราการเกิด ก็ทำให้โครงสร้างประชากรกลับหัว การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อธุรกิจ เศรษฐกิจมหภาค และเสถียรภาพทางสังคม
5 อันดับจังหวัดที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากสุด
– ชัยภูมิ 22.6%
– เลย 22.4%
– ขอนแก่น 22.2%
– มหาสารคาม 22.0%
– นครราชสีมา 21.8%
ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าภาคอีสานของเราไม่ใช่แค่กำลังสูงวัยเท่านั้น แต่กำลังย้ายเข้าสู่ระยะที่ผลกระทบจะฝังแน่นในโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องจำนวนคนเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนรูปแบบความต้องการของผู้บริโภค โครงสร้างแรงงาน และภาระทางการคลังที่ต้องออกแบบใหม่ทั้งระบบนั่นเอง
อีกทั้ง จากเดิมที่ประเทศไทยเคยอาศัยแรงงานต้นทุนต่ำและการผลิตเชิงปริมาณ ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการและสุขภาพพุ่งสูงขึ้น ประเทศก็จะเผชิญกับรายได้ภาษีลดลงจากประชากรวัยทำงานน้อยลง แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นจากประชากรวัยสูงอายุที่ต้องการบริการทางการแพทย์และบำนาญ หากไม่ปรับโครงสร้างการคลัง ประเทศไทยอาจเข้าสู่ “กับดักการคลังสูงวัย” ที่ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเบียดบังงบลงทุนเพื่ออนาคตนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรและในพื้นที่ชนบทซึ่งเป็นฐานของอีสานจะเผชิญแรงกดดันรุนแรง เนื่องจากแรงงานหนุ่มสาวอพยพเข้าเมือง เหลือเพียงผู้สูงอายุเป็นหลัก การผลิตอาหารจะชะงักหากไม่มีการลงทุนในเกษตรอัจฉริยะ และระบบเครื่องจักรอัตโนมัติ อีกทั้งยังเกิดโจทย์ใหม่ว่าใครจะดูแลผู้สูงอายุในชนบท? หากไม่มีการสร้างเศรษฐกิจชุมชนดูแลที่ผสานการจ้างงานท้องถิ่นกับธุรกิจสังคม
การเป็นสังคมผู้สูงอายุต่อเนื่องย่อมลดอุปทานของแรงงาน ซึ่งก็ส่งผลต่อการเติบโตของ GDP หากไม่ได้มีมาตรการชดเชยด้วยการเพิ่มผลิตภาพหรือแรงงานทดแทน ซึ่งผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจก็มีความซับซ้อนเช่นกัน ในอีกมุมหนึ่งอัตราการออมต่อหัวอาจเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุใกล้เกษียณ แต่การบริโภคโดยรวมเปลี่ยนแปลงไป ลดความต้องการสินค้าเพื่อเด็กและวัยหนุ่มสาว และหันไปเพิ่มความต้องการบริการสุขภาพ การดูแลระยะยาว และสินค้าเชิงคุณภาพชีวิต ทำให้เกิดการขยายตัวของ “เศรษฐกิจแบบดูแล (Care Economy)”
อีกทั้ง การเป็นสังคมผู้สูงวัยเองก็มีทั้งความเสี่ยงและโอกาส โดยสาขาที่อาจหดตัวได้แก่ ตลาดสินค้าเด็ก การศึกษาแบบมวลชน และบางบริการความบันเทิงสำหรับวัยหนุ่มสาว ขณะเดียวกันโอกาสใหม่ๆ จะผุดขึ้นมากมาย อย่างเช่น บริการดูแลผู้สูงอายุแบบรายเดือน, โทรเวชกรรมและการจัดการโรคเรื้อรังนั่นเอง
การกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มตัวเป็นทั้งความท้าทายเชิงโครงสร้างและโอกาส หากรัฐ ภาคธุรกิจ และชุมชนร่วมกันคิดเชิงระบบ ปรับกรอบนโยบาย และออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ชีวิตจริงของประชากรสูงวัย ประเทศยังสามารถเปลี่ยน “ภาระประชากรสูงวัย” ให้เป็น “เศรษฐกิจคุณภาพชีวิต” ที่สร้างงานและนวัตกรรมได้ แต่ต้องเริ่มจากการยอมรับความจริงของโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนไป และออกแบบมาตรการที่เป็นทั้งเชิงป้องกันและเชิงสร้างสรรค์พร้อมกัน
อ้างอิงจาก:
– สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
– กรมกิจการผู้สูงอายุ
– กระทรวงสาธารณสุข
– World Bank
– วิจัยกรุงศรี
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #สังคมสูงวัย #ผู้สูงอายุ #สังคมผู้สูงอายุ