การเข้ามาของร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” มากกว่า 35 ปีที่ นอกจากพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล “ซีพี ออลล์” ต้องการบุกตลาดต่างจังหวัดควบคู่ไปด้วย “กลุ่มซีพี” จึงให้ “Sub-Area License” กับ 4 กลุ่มทุนรายใหญ่ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ กลุ่มตันตราภัณฑ์ กลุ่มงานทวี กลุ่มยิ่งยง และกลุ่มศรีสมัย
การเติบโตของ “4 กลุ่มทุนเก่าแก่” มีต้นกำเนิดจากร้านโชห่วย-ขายของชำ ก่อนแตกไลน์ธุรกิจไปยังเซกเมนต์อื่นๆ โดยกลุ่มตันตราภัณฑ์โด่งดังจาก “ห้างตันตราภัณฑ์” กลุ่มยิ่งยงโตจาก “ยิ่งยงสรรพสินค้า” กลุ่มศรีสมัยมีรากฐานจาก “ศรีสมัยค้าส่ง” ส่วนกลุ่มงานทวีมีธุรกิจหลากหลาย จากร้านของชำพลิกไปทำเหมืองแร่-สวนยางพารา
ทั้ง “4 กลุ่มทุน” มีรายได้จากการถือ “Sub-Area License” หลักพันล้านบาททุกปี
ภาคเหนือ – กลุ่มตันตราภัณฑ์
กลุ่มตันตราภัณฑ์ของตระกูล “ตันตรานนท์” มีต้นตระกูลเป็นชาวจีนชื่อว่า “เถ้าแก่ง่วนชุน” เริ่มต้นจากการเปิดร้านขายของชำเรือนไม้ 2 ชั้น ริมถนนวิชยานนท์ ใกล้กับตลาดต้นลำไยและตลาดวโรรสหรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า “กาดหลวง” เมื่อธุรกิจร้านโชห่วยเติบโตมากขึ้น ลูกชายอย่าง “ธวัช ตันตรานนท์” จึงคิดหาลู่ทางขยายกิจการ-ขยับสู่การทำห้างสรรพสินค้า “ตันตราภัณฑ์”
จุดเปลี่ยนสำคัญของ “กลุ่มตันตราภัณฑ์” เกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วง 2530 “กลุ่มเซ็นทรัล” และบรรดา “ดิสเคาต์สโตร์” เริ่มขยายตลาดมายังภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น เมื่อดำเนินกิจการไปสักระยะก็พบว่า ศูนย์การค้าไม่ใช่เกมที่ตนถนัดประกอบกับห้างตันตราภัณฑ์เริ่มถูก “ดิสรัปต์” จากค้าปลีกเซ็นทรัลมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจขายศูนย์การค้า “แอร์พอร์ตพลาซ่า” ให้กับกลุ่มเซ็นทรัล เหลือไว้เพียง “ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต” ที่เป็นจุดแข็งมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว “กลุ่มตันตราภัณฑ์” ยังมีรายได้หลักจาก “บริษัท ชอยส์ มินิ สโตร์ จำกัด” บริษัทที่ประกอบกิจการร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น-อีเลฟเว่น” ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.แม่ฮ่องสอน ผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2565 พบว่า บริษัทฯ มีรายได้หลัก “พันล้านบาท” ทุกปี และ ในปี 2566 ทำรายได้ “หลักหมื่นล้าน” เลยทีเดียว และยังเป็นกิจการที่สร้างเม็ดเงินให้กับ “กลุ่มตันตราภัณฑ์” สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ในเครือด้วย
ภาคอีสาน – กลุ่มยิ่งยง
ย้อนกลับไป 30 ปีก่อนหน้า เดิมทีพื้นที่ห้างโรบินสันยิ่งยง คือ “ยิ่งยงสรรพสินค้า” ห้างที่มีเส้นทางการเติบโตคล้ายกับค้าปลีกรายอื่นๆ ที่ก้าวมาจากการขายสินค้า “งานการ์เมนต์” อย่างบรรดาเสื้อผ้าแฟชั่น-กางเกงยีนส์ ต่อมากิจการเติบโตจึงย้ายทำเลไปอยู่ที่ถนนชยางกูรด้วยพื้นที่ขนาด 3,000 ตารางเมตร นับว่า เป็นห้างฯ ที่ใหญ่ที่สุดในอุบลฯ ณ ขณะนั้น ทั้งยังมีการติดตั้งบันไดเลื่อนเป็นแห่งแรกในแถบอีสานใต้ด้วย
กระทั่งการมาถึงของ “ค้าปลีกรายใหญ่” ผู้บริหารห้างสรรพสินค้ายิ่งยงเลือกที่จะ “เข้าร่วม” โดยเป็นการผนึกกำลังร่วมกัน จาก “ยิ่งยงสรรพสินค้า” สู่ “ห้างโรบินสันยิ่งยง” ซึ่งขณะนั้นเอง “โกเฒ่า” ก็ได้สิทธิ “Sub-Area License” บริหารร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น 4 จังหวัดอีสานใต้
อย่างไรก็ตาม สิทธิการบริหาร “ห้างสรรพสินค้ายิ่งยง” ที่กลับมาอยู่ในมือของ “โกเฒ่า” อีกครั้งก็ดูจะไม่ง่าย “โกเฒ่า” หันไปพัฒนาพื้นที่อีกแห่งหนึ่ง ตั้งเป้าสร้างเป็น “คอมมูนิตี้มอลล์” ในชื่อ “Y Square Food Mall” ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มีพื้นที่ “Co-working Space” รวบรวมร้านอาหารชื่อดังในอุบลฯ ร้านค้าแนวสตรีตฟู้ดราคาย่อมเยา รวมถึงยังมีการดึงร้านเชนชื่อดังมาไว้ที่นี่ด้วย
“บริษัท ยิ่งยง มินิมาร์ท จำกัด” ที่ได้รับสิทธิบริหารซับไลเซนส์ของกลุ่มยิ่งยงยังมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ โดยข้อมูลรายได้ของ “ยิ่งยง มินิมาร์ท” ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2565 พบว่า รายได้รวมอยู่ที่ 3 พันล้านถึง 5 พันล้านทุกปี โดยในปี 2566 มีรายได้รวมสูงสุดถึง 6 พันล้านเลยทีเดียว
ภาคใต้ (ตอนบน) – กลุ่มงานทวี
ความเป็นมาของตระกูล “งานทวี” จากหนังสือ “สาวใยตระกูล “งานทวี” แลวิถีและพลังมังกรใต้” ระบุว่า ต้นตระกูลคือ “จ่ายเหล็ง แซ่หงาน” หรือที่ในเวลาต่อมามีชื่อไทยว่า “ปัญญา งานทวี” เกิดเมื่อปี 2447 อพยพมาจากเมืองจีน
“ปัญญา” เริ่มต้นสร้างอาณาจักรงานทวีจากการสานต่อกิจการร้านขายของชำ “จิ้นเต็ก” ของผู้เป็นพ่อ จากนั้นจึงต่อยอดด้วยการ “ปั้นแบรนด์” ที่ติดตลาดคนในพื้นที่สู่การทำสินค้า “ยี่ห้อจิ้นเต็ก” ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มั่งคั่งขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากช่วงทศวรรษ 2480 ตรงกับสงครามมหาเอเชียบูรพา มีทหารกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพในไทยเป็นจำนวนมาก ตระกูลงานทวีได้งานรับเหมาส่งแร่ให้กองทัพญี่ปุ่นทำให้มีเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างตั้งแต่การทำเหมืองแร่ สวนยางพารา สวนผลไม้ โรงเหล้า โรงฝิ่น โรงไม้ ไปจนถึงธุรกิจค้าขายข้าว หมาก น้ำตาล มีการขยายกิจการส่งสินค้าข้ามถิ่นไปยังกรุงเทพฯ รวมทั้งเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซียด้วย
ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา “ตระกูลงานทวี” ผงาดสู่ “ยักษ์ธุรกิจ” ประสบความสำเร็จและมีความมั่งคั่งเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทในเครือตระกูลงานทวีมีธุรกิจกระจายตัวอยู่ทั่วภาคใต้ ตั้งแต่โรงงานแปรรูปยางพารา อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน อุตสาหกรรมเหล็ก ปูนซีเมนต์ อสังหาริมทรัพย์ทั้งที่ดินและประกอบกิจการโรงแรม ปั๊มน้ำมัน ท่าเรือ บ้านเช่า เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
สำหรับบริษัทในเครือที่บริหารธุรกิจ “Sub-Area License” คือ “บริษัท งานหนึ่ง จำกัด” ข้อมูลผลประกอบการตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2566 ระบุว่า มีรายได้รวม “พันล้านบาท” ทุกปี
ภาคใต้ (ตอนล่าง) – กลุ่มศรีสมัย
“ศรีสมัย” เติมโตจากร้านโชห่วยเล็กๆ เพียง 1 ห้อง เมื่อ 40 ปีก่อน ที่ผ่านมาธุรกิจมีการเติบโตมากขึ้นและในตลาดก็มีคู่แข่งเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค้าปลีกภูธรต้องดิ้นปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
“ศรีสมัยค้าส่ง” เป็นโกดังสินค้ารายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ครอบคลุมการจำหน่ายส่งสินค้าทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส รวมทั้งพื้นที่ 4 อำเภอในจ.สงขลาด้วย โดย “กลุ่มศรีสมัย” มีบริษัทและธุรกิจในเครือมากมาย
ส่วนธุรกิจซับไลเซนส์ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส มีผลประกอบการ “พันล้านบาท” ทุกปี
ในการเลือกผู้ที่จะมาถือสิทธิ “Sub-Area License” จึงต้องมีความเข้าใจตลาดในพื้นที่เป็นอย่างดี “ซีพี ออลล์”ปิดดีลให้สิทธิถือซับไลเซนส์กับ 4 กลุ่มทุนภูธรตั้งแต่ทศวรรษ 2530 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มตันตราภัณฑ์ กลุ่มงานทวี กลุ่มยิ่งยง และกลุ่มศรีสมัย ทั้ง 4 กลุ่มทุนมีประวัติศาสตร์ที่มาที่ไปในการดำเนินธุรกิจในพื้นที่มายาวนาน โดยนอกจากการทำธุรกิจถือสิทธิซับไลเซนส์ในพื้นที่แล้ว 4 กลุ่มทุนนี้ยังประกอบกิจการอื่นๆ ในเซกเมนต์ที่ใกล้เคียงกันด้วย
อ้างอิงจาก:
– กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
– กรุงเทพธุรกิจ
ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่
https://linktr.ee/isan.insight
#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #อีสานอินไซต์ #Business #ธุรกิจ #ธุรกิจอีสาน #7Eleven #กลุ่มตันตราภัณฑ์ #กลุ่มงานทวี #กลุ่มยิ่งยง #กลุ่มศรีสมัย