บทวิเคราะห์เศรษฐกิจอีสานประจำเดือนพฤศจิกายน 2568

ISAN Outlook พาเปิดเบิ่ง 5 ธุรกิจดาวรุ่ง–ดาวร่วง ปี 2568 ท่ามกลางปีแห่งความผันผวนและความท้าทายรอบด้าน

ธุรกิจดาวรุ่ง

  • การขนส่งสินค้า🚚: อุปสงค์เติบโตจาก E- Commerce และการขยายศูนย์กระจายสินค้า
  • ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหาร🥫: ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานยังสูง ร้านอาหารและเดลิเวอรีต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก อีกทั้งราคาวัตถุดิบผันผวน ทำให้ผู้ค้าต้องสต็อกสินค้าเพิ่ม
  • โรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด🏩: จากการท่องเที่ยวอีสานที่ยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม/ธรรมชาติ
  • การขายส่งเครื่องสำอาง💄: ตลาดความงามโตต่อเนื่อง เพราะได้แรงขับจากช่องทางออนไลน์และ Influencer marketing
  • การจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ🖥️: SME ต้องการระบบธุรกิจเฉพาะทางมากขึ้น รวมไปถึงการนำ AI มาช่วย
  • การจัดแสดงศิลปะความบันเทิง: จากการจัดแสดงคอนเสิร์ต หมอลำ รถแห่ของอีสานที่เติบโตต่อเนื่อง

ธุรกิจดาวร่วง

  • ร้านขายปลีกสินค้าทั่วไป🛍️: ร้านขายส่งรายเล็กไม่อาจสู้ร้านขายส่งเจ้าใหญ่ที่สามารถทำราคาถูกกว่าได้ และการเข้ามาของสินค้านำเข้าราคาถูก
  • ขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต📦: แม้ว่าธุรกิจขายออนไลน์เมื่อหลายปีก่อนมีอัตราการเติบโตสูง แต่ปีนี้กลับลดลงอย่างมีนัยยะ ซึ่งอาจเป็นเพียงการหดตัวชั่วคราว
  • ร้านอาหาร🍴: ต้นทุนวัตถุดิบและค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น และการแข่งขันในตลาดและร้านจำนวนมาก ทำให้ร้านที่อยู่สู้ไม่ไหว ร้านใหม่อยู่ไม่นาน
  • ขายปลีกวัสดุก่อสร้าง🛠️: เป็นธุรกิจที่ในระยะยาวนั้นแข่งขันกับรายใหญ่ได้ลำบาก และยังต้องแข่งขันกับตลาดออนไลน์ที่ราคาถูกกว่า
  • ขายปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า💡: อีกหนึ่งธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่ราคาถูกกว่าได้  ส่งผลให้มีการปิดตัวมาก
  • ธุรกิจที่ส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน: เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัดจากการปิดด่านชายแดนกัมพูชา กระทบผู้ส่งออกสินค้าทุกหมวด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคหรือสินค้าเกษตร

ในภาพใหญ่ ธุรกิจอีสานโตต่ำลงในปีนี้ ผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว

👉 แม้จะมีธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงให้เห็นชัด แต่ภาพรวมกลับพบว่าการจดทะเบียนธุรกิจในอีสานหดตัวถึง 6% เกือบทุกหมวดธุรกิจเปิดใหม่ลดลง สะท้อนความเชื่อมั่นในการลงทุนที่อ่อนแรงลงอย่างมาก โดยมีปัจจัยสำคัญคือ

  • กำลังซื้อผู้บริโภคยังเปราะบาง กำลังซื้อผู้บริโภคอีสานในภาพรวมในปีนี้หดตัวลง กดดันให้ผู้ประกอบการไม่กล้าเสี่ยงลงทุน
  • สถาบันการเงินเข้มงวดต่อเนื่องในการปล่อยสินเชื่อ 
  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งในประเทศและความขัดแย้งกับกัมพูชา กดทับบรรยากาศการลงทุนโดยรวมของภาคอีสาน

มองปีหน้า AI จะเข้ามามีบทบาทต่อภาคธุรกิจเต็มตัว ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีสาน นอกจากนั้นยังมีทั้งปัจจัยด้านบวกและลบ ไม่ว่าจะเป็น

ปัจจัยด้านบวก:

  • มาตรการเก็บภาษีศุลกากรขาเข้าตั้งแต่บาทแรก ซึ่งจะลดผลกระทบจากการทุ่มตลาดจากสินค้าราคาถูกจากจีน
  • โอกาสจากการใช้เทคโนโลยี AI และดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ภาคธุรกิจ
  • เทรนด์การเลี้ยงสัตว์แทนลูก เหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ธุรกิจประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น

ปัจจัยด้านลบ:

  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
  • ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก  รวมถึงความขัดแย้งที่ส่งผลต่อราคาสินค้าทุน
  • การปล่อยสินเชื่อยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว ฉุดรั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

โดยหากมองไปถึงธุรกิจดาวรุ่ง – ดาวร่วงของภาคอีสานในปีหน้านั้นอาจออกมาได้หลายแบบ ซึ่งทาง ISAN Outlook คาดการณ์จากปัจจัยแวดล้อมได้ดังนี้

ดาวที่อาจจะรุ่ง:

  • ธุรกิจด้านเทคโนโลยี AI, ดิจิทัล และแพลตฟอร์มออนไลน์
  • ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารสัตว์ บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
  • ธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า

ดาวที่อาจจะร่วง:

  • ธุรกิจส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน
  • ร้านอาหาร
  • อสังหาริมทรัพย์

คนละครึ่งพลัสกระตุ้นอีสานคึกคัก คนแห่ออกมาจับจ่ายใช้สอย

ดัชนีการอุปโภคบริโภคของประชาชนในภาคอีสานหมวดสินค้าหมุนเวียนเร็ว เช่น ของใช้ประจำวัน และสินค้ากึ่งคงทน เช่น เสื้อผ้า หรือของใช้ในบ้าน เพิ่มสูงขึ้นในช่วงโครงการ คนละครึ่งพลัส สะท้อนว่าคนออกมาซื้อของมากขึ้น เพราะโครงการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง

คาดว่าโครงการคนละครึ่งพลัสจะมีคนอีสานเข้าร่วมโครงการราว 5 ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มการใช้จ่าย (MPC) อยู่ที่ประมาณ 0.75 ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หมายความว่า เมื่อมีเงินเพิ่มขึ้นทุก 100 บาท คนอีสานจะนำไปใช้จ่ายประมาณ 75 บาท ส่งผลให้ร้านค้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินที่หมุนเวียนมากขึ้น

การกระตุ้น–ราคาข้าวเซอร์ไพรส์ดีดตัว ส่งสัญญาณบวกช่วงท้ายปี

คนละครึ่งช่วยให้การจับจ่ายคึกคักขึ้น ขณะเดียวกันราคาข้าวเปลือกก็กลับมาปรับสูงในช่วงเก็บเกี่ยว จากคำสั่งซื้อเพิ่มของคู่ค้าหลักอย่างจีนและสิงคโปร์ ซึ่งราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในภาคอีสานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 725 บาท ช่วยความเชื่อมั่นให้เกษตรกร

อย่างไรก็ตามสินเชื่ออุปโภคบริโภคก็ยังหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ที่หดตัวถึง 9.8% รวมไปถึงการจ้างงานภาคธุรกิจที่หดตัวลง และปัญหาหนี้สินที่ยังกดดันการบริโภคของภาคอีสาน

เน้นสร้างเสถียรภาพราคาข้าว และจัดการผลผลิตอ้อยให้มีคุณภาพ – ลดเผา

ราคาข้าวที่ปรับขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ในระยะกลางยังจำเป็นต้องบริหารปริมาณข้าวออกสู่ตลาดผ่านมาตรการชะลอการขาย เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ขณะที่ด้านอ้อย กอน. ได้กำหนดตารางวันเข้าหีบตามสัดส่วนอ้อยสด เพื่อลดการเผาและลดปัญหา PM 2.5

1. ราคาข้าวปรับตัวขึ้น

สร้างเสถียรภาพราคาผ่านโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก

  • เป็นการควบคุมปริมาณข้าวออกสู่ตลาด
  • ให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางโดยรัฐเป็นผู้จ่ายค่าฝาก
  • ควรมีการปรับโครงสร้างค่าฝากเก็บแบบตามคุณภาพยุ้งฉาง (ยุ้งฉางดี – ได้ค่าฝากเพิ่ม)
  • เชื่อมระบบติดตามสต๊อกข้าวด้วยดิจิทัล เพื่อลดปัญหาสต๊อกซ้ำซ้อน พร้อมทั้งสร้างเป็นฐานข้อมูลเพื่อต่อยอดการทำนโยบาย

2. เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวอ้อย

กอน. ชงนโยบาย “เผาน้อย เปิดก่อน” ลด PM 2.5

  • กอน. กำหนดวันเปิดหีบอ้อยโดยการแบ่งกลุ่มโรงงานตามเปอร์เซ็นต์การรับอ้อยเผาเข้าหีบในฤดูการผลิตปี 2567/68
  • จูงใจให้เกษตรกรตัดอ้อยสด ผลผลิตคุณภาพดี ลดการเผาและฝุ่น PM 2.5

คนละครึ่งพลัส กระตุ้นความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการใจชื้น ค้าขายคึกคัก

โครงการคนละครึ่งพลัสไม่ได้ช่วยแค่ประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยผู้ประกอบการในภาคอีสานด้วย เพราะเมื่อประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ก็ทำให้ร้านค้าและธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธุรกิจจะเดินต่อได้ ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ผู้คนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้เงินเพราะกำลังซื้ออ่อนลง สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ และดัชนีความเชื่อมั่นต่ออนาคตเศรษฐกิจในหมวดบริการในภาคอีสานที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงโครงการ สะท้อนว่าธุรกิจในพื้นที่ได้รับแรงกระตุ้นเชิงบวกจากโครงการ

หลายแสนธุรกิจในอีสานยิ้ม คนละครึ่งเงินสะพัดกว่าหมื่นล้าน

ร้านค้าในภาคอีสานกว่า 160,000 ร้าน เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส คิดเป็นประมาณ 54% ของร้านค้าทั้งหมดที่มีสิทธิ์เข้าร่วม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านที่สมัครใหม่ในรอบโครงการนี้โดยครอบคลุมธุรกิจหลากหลายประเภททั้งร้านอาหาร ร้านขายของทั่วไป ร้านบริการ ร้าน OTOP ไปจนถึงร้านธงฟ้าประชารัฐ และจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมนั้นมากขึ้น คาดว่าเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว จะมีเงินสะพัดในภาคอีสานมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท สะท้อนการจับจ่ายที่กลับมาคึกคักในช่วงเดือนแรกของโครงการ

จูงใจร้านค้า สร้างเมืองยั่งยืน ฟื้นฟูธุรกิจด้วยกลไกแก้หนี้

 

รัฐควรเร่งสร้างความมั่นใจด้านภาษีเพื่อดึงให้ร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ควบคู่กับการวางรากฐานการท่องเที่ยวระยะยาว และใช้เครื่องมือทางการเงินช่วยแก้ปัญหาหนี้สินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ประชาชนและผู้ประกอบการ มาตรการเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ครบวงจรและยั่งยืนมากขึ้น

1. ร้านค้ายังคงเป็นกังวลและไม่กล้าเข้าร่วมโครงการ

  • รัฐควรส่งเสริมให้ร้านค้าและร้านอาหารเข้าร่วมโครงการมากขึ้น โดยสื่อสารให้ชัดเจนว่า ร้านค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น และเงินจากโครงการจะถูกโอนเข้าร้านค้าเต็มจำนวน 100% จุดนี้จะช่วยลดความกังวลด้านภาษีของผู้ประกอบการรายเล็ก และเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ร้านค้าต่างๆตัดสินใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น

2. โครงการคนครึ่งเป็นเพียงโครงการระยะสั้น

  • นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ให้ผลรวดเร็วแล้ว ยังจำเป็นต้องมีมาตรการระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด เช่น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อธุรกิจและการท่องเที่ยว ทั้งด้านความปลอดภัย มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว และระบบคมนาคมที่สะดวกและเชื่อมต่อได้ดี ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว

3. ปัญหาหนี้สินยังไม่ได้หายไปไหน

  • แม้ดัชนีการบริโภคและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่ปัญหาหนี้สินยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อประชาชนและผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงยังจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ลักษณะใกล้เคียงกับโครงการ AMC ที่เคยดำเนินมาก่อน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระหนี้บางส่วน เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้กู้ และดึงหนี้นอกระบบให้กลับเข้าสู่ระบบการเงินที่ถูกกฎหมาย ช่วยให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างเป็นธรรมและยั่งยืนมากขึ้น

 


คณะผู้จัดทำ

ที่ปรึกษาโครงการ

  • ผศ.ประเสริฐ วิจิตรนพรัตน์

นักวิเคราะห์

  • นาย ธนสาร อิทธิสัมพันธ์
  • นาย ภูวาริน สะตะ

นักออกแบบกราฟฟิค

  • นางสาว อรัชณีกร บุญวิเศษ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top