ในปัจจุบัน “โรงสีข้าว” เผชิญความท้าทายจากปริมาณผลผลิตที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่การทำกำไรยังมีข้อจำกัดจากปัญหากำลังสีข้าวส่วนเกินในระบบที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กมักเสียเปรียบรายกลาง – ใหญ่ด้านอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบ ทำให้มีต้นทุนรับซื้อข้าวสูงกว่า กลุ่มที่แข่งขันได้จึงเป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่ที่ครบวงจร และโรงสีข้าวขนาดกลางที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
ในปี 2565 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีโรงสีข้าวมากที่สุดในประเทศ อยู่ที่ 36,454 แห่ง หรือคิดเป็น 77% ของโรงสีข้าวทั้งหมดในประเทศ
5 อันดับจังหวัดที่มีโรงสีข้าวหลายที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อันดับที่ 1 อุบลราชธานี 4,929 แห่ง
อันดับที่ 2 ร้อยเอ็ด 3,244 แห่ง
อันดับที่ 3 สุรินทร์ 3,035 แห่ง
อันดับที่ 4 ศรีสะเกษ 2,955 แห่ง
อันดับที่ 5 ขอนแก่น 2,927 แห่ง
ในรอบปีเพาะปลูก 2564-2565 ไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งสิ้น 72.6 ล้านไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง
หากมาดูที่ปริมาณผลผลิตข้าว จะพบว่า จังหวัดอุบลราชธานี มีปริมาณผลผลิตข้าวข้าวรวมมากเป็นอับดันที่ 2 ของประเทศ อยู่ที่ 1.5 ล้านตัน ซึ่งก็สอดคล้องที่จังหวัดอุบลราชธานีมีโรงสีข้าวมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หมายเหตุ: เป็นข้อมูลนิติบุคคล วิสาหกิจชุมชน และส่วนบุคคล เฉพาะประเภทธุรกิจการสีข้าว (รหัสประเภทธุรกิจ 10611)
อ้างอิงจาก:
– สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
– กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
– วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา