ปลอดภัยหลายกว่าเดิม ! ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้

ปลอดภัยหลายกว่าเดิม !

ธปท. ประกาศ “โอนเงินเกิน 50000” ต้องสแกนใบหน้า เริ่ม มิ.ย.นี้

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยได้วางแผนการป้องกันการทุจริตเพิ่มเติม โดยให้ธนาคารต้องเพิ่มมาตรการการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอแมตริกซ์) เมื่อทำธุรกรรมผ่าน mobile banking เมื่อมีรายการการโอนเงิน หรือเติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ หรือยอดสะสมต่อวัน ครบทุก 200,000 บาท หรือต้องการปรับเพิ่มวงเงินโอนเงิน จ่ายเงินผ่านแอปฯ 

 

ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารได้ออกมาตรการดังกล่าวและทำการแจ้งเตือนลูกค้าผู้ใช้บริการ mobile banking ให้สามารถนำบัตรประชาชนปอัปเดตข้อมูล และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านได้ตั้งแต่วันนี้

 

​ธปท. ประกาศ 3 ชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินที่ดูแลตลอดเส้นทางการทำธุรกรรมทางการเงิน  โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  1. มาตรการป้องกัน

▪️ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ให้ สถาบันการเงินงดการส่งลิงก์ทุกประเภทผ่าน SMS อีเมล

▪️ งดส่งลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย

▪️ จำกัดจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน mobile banking (username) ของแต่ละ สถาบันการเงินให้ใช้ได้ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้น

▪️ โดย สถาบันการเงินต้องจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้บริการ mobile banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง

▪️ พัฒนาระบบความปลอดภัยให้เท่าทันภัยการเงินรูปแบบใหม่อยู่ตลอดเวลา

▪️ ยกระดับความเข้มงวดในกระบวนการยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยการใช้เทคโนโลยีเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้า (biometrics)

โดยกำหนด 3 ธุรกรรม ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตน

▪️ การโอนวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ

▪️ โอนวงเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน

▪️ การปรับเพิ่มวงเงินเกิน 50,000 บาทต่อวัน

  1. มาตรการตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัย

▪️ กำหนดเงื่อนไขการตรวจจับและติดตามธุรกรรมเข้าข่ายผิดปกติ หรือกระทำความผิด เพื่อให้ สถาบันการเงินรายงานไปสำนักงาน ปปง.

▪️ สถาบันการเงินต้องมีระบบตรวจจับและติดตามบัญชี หรือธุรกรรมต้องสงสัยแบบ near real-time เพื่อให้สามารถระงับธุรกรรมได้ทันทีเป็นการชั่วคราวเมื่อตรวจพบ

  1. มาตรการตอบสนองและรับมือ

▪️ เพื่อจัดการปัญหาให้ผู้เสียหายได้เร็วขึ้น ให้สถาบันการเงินทุกแห่งต้องมีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง แยกจากช่องทางให้บริการปกติ

▪️ เพื่อให้ผู้ใช้บริการแจ้งเหตุได้โดยเร็ว รวมทั้งให้ดูแลรับผิดชอบผู้ใช้บริการ หากพบว่าความเสียหายเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันการเงิน

 

อ้างอิงจาก:

https://www.tba.or.th/transfers-over-50000-must-scan-faces-starting-this-june/ 

https://www.chillpainai.com/scoop/15285 

 

#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ธนาคารแห่งประเทศไทย #โอนเงิน #ทำธุรกรรมทางการเงิน #พร้อมเพย์ #mobilebanking

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Scroll to Top