อีสานหวานไม่หยุด! ตัวเลขผู้ป่วยเบาหวานพุ่งแตะ 1.4 ล้าน พาเปิดเบิ่ง จังหวัดไหน ‘คนเป็นเบาหวาน’ มากที่สุด?

จากข้อมูลผู้ป่วยเบาหวานที่ขึ้นทะเบียนและมารับการรักษาต่อเนื่องจากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปี 2568 ประเทศไทยมีผู้ป่วยเบาหวานรวมสูงถึง 3,815,361 คน และ “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบ้านเรา” มีผู้ป่วยเบาหวานสูงที่สุดของประเทศ อยู่ที่ 1,441,243 คน ซึ่งสามารถสะท้อนภาพความท้าทายด้านสุขภาพที่ต้องการความร่วมมืออย่างจริงจัง ทั้งจากภาครัฐ ชุมชน และพฤติกรรมรายบุคคลเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนี้

หากลงไปดูในรายจังหวัดจะพบว่า จังหวัดเลยครองอันดับหนึ่งด้าน “อัตราผู้ป่วยต่อประชากร 100,000 คน” สูงถึง 8,030 ราย ขณะที่จังหวัดใหญ่อย่างนครราชสีมามีจำนวนผู้ป่วยจริงมากที่สุดกว่า 178,000 ราย ตัวเลขเหล่านี้กลายเป็นเหมือน “แผนที่ความเสี่ยง” ทางสุขภาพของภาคอีสานที่ควรทำความเข้าใจในเชิงลึกกว่าที่เห็น

จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยสูง ก็มักมีปัจจัยร่วมหลายอย่าง ทั้งโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก หรือพฤติกรรมการบริโภคที่ยังยึดโยงกับอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว อาหารหมักดอง และอาหารแปรรูปที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

โรคเบาหวานนั้นเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคสังคมเร่งด่วน คนจำนวนมากหันไปพึ่งอาหารแปรรูป อาหารรสจัดหวานมันเค็ม และการดื่มน้ำอัดลมที่เข้าถึงง่ายในราคาถูก นอกจากนี้ ความนิยมของอาหารสไตล์ “อีสานหวานนำ” อย่างเช่น น้ำปลาร้าปรุงรส ขนมพื้นบ้าน เครื่องดื่มหวานเย็น และการบริโภคข้าวเหนียวซึ่งมีลักษณะเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยเร็วและมีดัชนีน้ำตาลสูง สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

อีกปัจจัยสำคัญคือ รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป คนวัยทำงานจำนวนมากย้ายจากงานใช้แรงไปสู่งานนั่งโต๊ะหรือใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้กิจกรรมทางกายลดลงอย่างมาก เมื่อผสานกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม และการไม่มีเวลาสำหรับดูแลสุขภาพ จึงเป็นเงื่อนไขที่ผลักให้โรคเบาหวานเกิดง่ายขึ้นและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

สังคมในภาคอีสานยังเป็นภูมิภาคที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก ทำให้สัดส่วนของผู้ป่วยเพิ่มตามอายุ อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นอย่างเช่น พันธุกรรมร่วมด้วย ซึ่งทำให้บางครอบครัวมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ ขณะที่ระบบบริการสุขภาพแม้จะเข้มแข็ง แต่ความหนาแน่นของผู้ป่วยและพื้นที่ห่างไกลก็อาจทำให้การเข้าถึงการตรวจคัดกรองเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึงนั่นเอง

เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกในด้านการเพาะปลูกอ้อย พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า จังหวัดเลย ขอนแก่น และอุดรธานีมีพื้นที่ปลูกอ้อยจำนวนมาก ทำให้อ้อยกลายเป็นวัตถุดิบหลักของท้องถิ่น ส่งผลให้ราคาน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลสูงในพื้นที่ถูกกว่าและมีให้เลือกหลากหลาย เมื่อเป็นเช่นนี้ คนในพื้นที่จึงเข้าถึงเครื่องดื่มหวาน ขนมหวาน และอาหารแปรรูปที่ใช้น้ำตาลได้ง่ายและในราคาที่จับต้องได้สะดวก ซึ่งก็เห็นได้ชัดในอาหารท้องถิ่น เช่น ร้านชา-ชานมที่เพิ่มขึ้นแทบทุกอำเภอ ร้านน้ำอัดลมและขนมแปรรูปที่ขายดีในตลาดชุมชน หรือแม้กระทั่งในงานประเพณีของหมู่บ้านซึ่งมักมีเครื่องดื่มหวานวางจำหน่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ประชาชนได้รับน้ำตาลในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ว่ากำลังกิน “อาหารหวาน” เป็นพิเศษก็ตาม

ในทางกลับกัน หากมองในอีกมุมมองหนึ่งนั้น ภาคอีสานกำลังเติบโตเป็น ตลาดใหญ่ของสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ตั้งแต่คลินิกดูแลเบาหวาน อาหารสุขภาพ โภชนบำบัด ไปจนถึงเทคโนโลยีตรวจน้ำตาลและการติดตามสุขภาพผ่านแอปพลิเคชัน ธุรกิจท้องถิ่นยังสามารถต่อยอดวัตถุดิบพื้นถิ่น อย่างเช่น ผักพื้นบ้าน โปรตีนพืช และข้าวพันธุ์พื้นเมือง ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือ functional foods ที่มีมูลค่าสูง สอดรับกับกระแสผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องโภชนาการมากขึ้น รวมถึงโอกาสในภาค telemedicine และระบบติดตามผู้ป่วยทางไกล ซึ่งตอบโจทย์พื้นที่ชนบทที่ยังขาดบุคลากรทางแพทย์

 

 

อ้างอิงจาก:

– กระทรวงสาธารณสุข. ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข (HDC)

– สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
– สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.). กระทรวงอุตสาหกรรม

 

ติดตาม ISAN Insight & Outlook ทุกช่องทางได้ที่

https://linktr.ee/isan.insight

 

#ISANInsightAndOutlook #อีสาน #ISAN #อีสานอินไซต์ #Business #Economy #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจอีสาน #เศรษฐกิจอีสาน #เบาหวาน #โรคเบาหวาน #ผู้ป่วยเบาหวาน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top